Tuesday, August 19, 2008

Hanabi ที่โตเกียว

ปีนี้ ไปฮานาบิหรือเทศกาลดอกไม้ไฟ มาสองครั้งแล้ว
ทั้งสองครั้งไปแบบ ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเค้าสักเท่าไหร่ แต่ก็สนุกดีอีกแบบ

ครั้งแรกเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ไปที่ Tokyo Bay ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นฮานาบิที่สวยอันดับต้นๆ ของโตเกียวเลย
จริงๆ ครั้งนี้มีบัตรฟรี VIP ด้วย ที่จะได้นั่งในที่พิเศษที่เค้าจัดที่ไว้ให้
แต่มันคงจะง่ายเกินไปและไม่ท้าทาย เลยไม่ได้ขอบัตรฟรีน้องๆ เค้ามา
ประกอบกับตอนนั้นยังไม่คิดจะไปด้วย เพราะไม่ค่อย ชื่นชอบกิจกรรมคนเยอะ
ที่ต้องแย่งกันกิน แย่งกันขึ้นรถไฟ แย่งกันจองที่นั่ง มีเวลานัดฟิกซ์ตายตัวซักเท่าไหร่ เลยกะว่าจะขอบายดีกว่า

แต่เนื่องด้วยน้อง ม. (นามสมมติ อิอิ) โทรมาแต่เช้าวันนั้นเลย ว่าไฟดับแถวบ้าน
กะจะขอมานั่งทำงานที่แลบเราซะหน่อย เราก็เห็นน้องคงอยากจะทำงานมาก ถึงขนาดดั้นด้นมาไกลถึงเพียงนี้
เลยเข้าไปนั่งทำงาน(ที่แลบตัวเอง) เป็นเพื่อนน้องด้วยเลย พร้อมกับเตรียมน้ำขนมไปเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี
สักพักน้อง ม. (ที่มีความประสงค์อยากนั่งทำงานมั่กๆ) ก็เอ่ยชวนว่าไปดูฮานาบิกันเถอะ
เอ้า งานเข้าแล้วตรู ไม่คิดจะไป ปฏิเสธไปแล้วด้วย บัตรก็ไม่มี ไกลก็ไกล (ณ เวลานั้นสามสี่โมงเย็นกว่าได้
งานเริ่มทุ่มนึง ชาวบ้านนัดกันสี่โมง) น้อง ม. บอกไม่เป็นไร เดี๋ยวจะใช้นกต่อ น้อง น. ให้เอาบัตรเวียนออกมาให้
เราก็เริ่มจะตะหงิดๆ ในใจว่ามันจะเมนดกไซ่หรือเปล่าหว่า ไปเจอกับมหาชนฝูงใหญ่ แถมไปช้าอีก
น่าจะถูกประณามพอสมควร แต่ด้วยการคำนวณของน้อง ม. แล้วกะว่าไปถึงทัน ! เอ้า ทันก็ทัน แต่ผมก็ย้ำอยู่ว่า
เราไปกันเองก็ได้นะ อย่ากวนเค้าเลย น่าจะมีที่เหลือบ้างแหละ
เนื่องด้วยผมไม่ได้ต้องการเห็นดอกไม้ไฟชัดแจ๋ว เพื่อจะถ่ายรูปเอาโล่ ขอแค่บรรยากาศชิลๆ ก็พอ
แต่น้อง ม. ก็ยังยืนยันว่า เอาเถอะ น้อง น. นกต่อ ไม่มีปัญหาหรอก
ว่าแล้วเราก็ออกเดินทางจากแคมปัสบ้านนอกกันเกือบๆ ห้าโมงเย็น

อย่า อย่าคิดว่าเราจะรีบไป ไม่ใช่เลย เราแวะกันซื้อโอเบนโตแสนอร่อย ที่ชิบูย่ากันก่อน น้อง ม. ขากินชักชวน
อาหารที่ชิบูย่า ละลานตาอย่างไม่น่าเชื่อ และน่ากินขั้นเทพ เราเลยเดือนเลือกซื้อและชอปปิ้งกันเกือบสามสิบนาที
แล้วมาระลึกกันได้ทีหลังว่า ไอ้สองคนนี้ไปช้า แล้วยังซื้อโอเบนโตไปกินกันเองอย่างเอร็ดอร่อย
ท่ามกลางฝูงชนที่ไปก่อนมันอีก มันจะยังไงๆ อยู่น่า แต่เอาเถอะมาแล้วนี่หน่า
สักพักเพื่อนน้อง ม. โทรมาว่าจะไปด้วย กำลังเดินทาง ใกล้ถึงแล้ว
น้อง ม. ก็ปฏิเสธไปแล้ว ว่าให้คนในงานมารับไปก่อนเถอะ เพราะไม่รู้ว่าทันหรือเปล่า
แต่ก็ไม่เป็นผล เพื่อนน้อง ม. ยืนยันจะรอเช่นเดิม นี่เป็นข้อผิดพลาดมหันต์ทีเดียว

เราเร่งรีบกันมากทีเดียว นั่งคักคุเอกิเดนชะ (จอดทุกป้าย) เพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง ริมอ่าวโตเกียว
ความโซ่ของผมเองและน้อง ม. ทำให้นัดแนะกับใครก็ไม่เจอเลย คนนำบัตรออกมาให้ก็หาไม่เจอ
เดือดร้อนคนในงานต้องโทรไปมาหากันให้วุ่นวายเข้าไปใหญ่ สรุปสุดท้าย เราไปหามุมสงบเงียบๆ
โดยการลอดรั้วเข้าไปที่แห่งหนึ่ง ราวๆ ยี่สิบนาทีหลังเค้าเริ่มจุดกันไปแล้ว
ผมรู้สึกว่าเป็นที่ที่ดีมากๆ ไม่มีคนบัง มีตึกเป็นฉากอยู่ข้างๆ พลุก็มองเห็นได้ในระดับสายตา สวยงามทีเดียว
และที่สำคัญเบนโตะอร่อย.....

เราสองคนไม่รอช้า กินๆ แล้วก็ดูๆ แล้วก็ตกลงกันออกมาก่อนเค้าจะจุดเสร็จสิบนาที เผื่อหลีกหนีความวุ่นวาย
นั่งเป็นความคิดที่ถูกต้อง เรารีบออกมาก่อน แล้วเดินอย่างไวที่สุด เพื่อจะออกมาจากตรงนั้น
เพราะอีกไม่นานคลื่นมหาชนจะหลั่งไหลมากมาย เราไม่เดินกันไปถึงสถานี เราต่อคิวกระโดดขึ้นบัสที่จอดรอ
ไว้รับผู้โดยสารจำนวนมากที่จะหลั่งไหลมาเมื่องานเลิก แต่ตอนนี้บัสก็ว่างๆ ไม่ทะลักมากมาย
เราโดดขึ้นรถทันที เพื่อไปยังสถานีโตเกียว แล้วทุกอย่างก็จบลงอย่างสวยงาม จากโตเกียวเราก็ไปชิบูย่าต่อ
ถึงชิบูย่า ราวๆ สองทุ่มครึ่งได้ ก็นั่งกินไอติมสบายใจ ซึ่งขณะนั้นฝนตกอย่างหนักพอสมควร
รู้สึกว่าโชคดีและตัดสินใจถูกอย่างมาก ที่กระเด็นออกมาจากตรงนั้นก่อน
เพราะไม่งั้นป่านนี้คงยืนเปียกแฉะๆ อยู่แถวนั้นแหละ มีอย่างเดียวที่ตัดสินใจผิด
คือ โทรไปให้เค้าหาบัตรเวียนมาให้ นั่นแหละที่ไปรบกวนคนอื่นเค้าอย่างมาก และไม่ได้มีผลดีเลย

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าอยากทำอะไรตามใจ อย่าไปติดต่อใครให้วุ่นวาย ตัดสินใจแล้วทำด้วยตัวเอง แล้วทุกอย่างมันจะดีเอง ฮ่ะๆๆ

เล่าซะยืดยาว ฮานาบิอันที่สอง คือเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้เอง ที่ futagotamagawa ไม่ไกลจากที่พักมากนัก
อันนี้ได้บทเรียนจากคราวก่อน เลยไม่นัดแนะใคร ไม่โทรหาใคร แม้ว่าจะมีคนไปก่อนก็ตาม คิดเอาว่าถ้าวาสนามีคงได้เจอพวกเค้า
อันนี้ก็สบายๆ เลย ออกสาย ไปถึงเค้าจุดกันแล้ว คนไม่เยอะมาก พอเดินได้สบายๆ พกเบียร์ไปกระป๋องนึง
เดินๆ ดูๆ ฮานาบิ ข้ามไปริมฝั่งแม่น้ำ มีที่เยอะแยะเลย เลยเลือกนั่งตรงไหนก็ได้ นั่งไปกินเบียร์ไปคนเดียว
แม้ว่าไม่มีเพื่อนคุย ว่าดอกไม้ไฟสุโก่ย (ยอดเยี่ยม) อย่างโน้นอย่างนี้ แต่ก็เป็นอารมณ์สบายๆ สนุกดีไปอีกแบบ
คราวนี้อยู่จนงานเลิกเลยทีเดียว ระหว่างคนทยอยกลับ ก็ไปนั่งกินบรรยากาศบนเนินริมน้ำ นั่งร้องเพลงไปคนเดียวเรื่อยๆ สบายใจดี
บรรยากาศชวนเหงามากๆ แต่ก็โอเคนะ ถือว่า ฝึกจิตใจให้อยู่คนเดียวให้ได้ < แม้ว่าคนอื่นจะมาเป็นคู่กัน :( >
พอคนเริ่มซา ก็กลับบ้านได้ อันนี้พอโอเค แม้ว่าคนจะยังเยอะอยู่พอสมควรหน้าสถานี แต่ก็ไหลไปได้เรื่อยๆ แล้วทางกลับบ้านเราก็ออกน้องเมืองซะด้วย

กลับมายังมีอีเวนต์ต่อที่บ้านอีกด้วย มีแขกมาเยี่ยมเยียนถึงบ้าน เอาไอศครีมมาให้ทานอีก
แขกมากันเป็นคู่ แล้วไปงานเดียวกับเรามาด้วย แต่เราก็ไม่ได้บอกแขกหรอกนะว่าไปมา
เพราะเกรงว่าเค้าจะสมเพชเราที่ไปคนเดียว ฮ่ะๆๆ

5 comments:

*BoW* said...

ที่ tokyo bay โบว์เปียกมากๆ เป็นผีญี่ปุ่นในชุดยูกาตะตัวเปียกๆ เหอๆ

กำลังคิดว่าอยากจะเป็นคนที่ไม่ต้องพึ่งคนอื่นได้บ้าง เพราะว่าโบว์เป็นคนอยู่คนเดียวเฉยๆไม่ได้ อยู่บ้านคนเดียวก็ยังต้องเล่นเอ็มหาคนคุยด้วย

เหมือนว่าถ้าวันไหนอยู่คนเดียวแล้วมันจะตายให้ได้ เหอๆ

เป็นอย่างงี้ไม่ดีเลย อยากยืนได้ด้วยขาของตัวเองมั่ง เวลามีปัญหาทีไรเพื่อนโบว์เบื่อโบว์ทุกที มันโทรมาบ่นวันละเป็นสิบๆรอบ เฮ้อออ

ถ้าเป็นอย่างงี้ไปเรื่อยๆ สงสัยจะได้อยู่คนเดียวจริงๆ เพราะสุดท้ายแล้วคนก็จะต้องเบื่อ เหอๆ

KonG said...

ว้าว เพิ่งเห็นมีคนเข้ามาบล็อกผมด้วย
(แม้ว่าจะแค่คนเดียวก็ตามเถอะ :)

พี่ว่าอาจจะเป็นเพราะว่าโบว์เหงาง่ายนะครับ
อาจจะเคยชิน กับการที่มีเพื่อนฝูง มีคนแวดล้อมมากมายโดยตลอด
แล้วพอมาอยู่ญี่ปุ่น ชีวิตเลยเปลี่ยนแปลงกะทันหัน

แค่อยากอยู่คนเดียวได้ ก็โอเคแล้วครับ
แต่อย่าบังคับตัวเองว่าต้องอยู่คนเดียวเลย
ไม่งั้นเดี๋ยว จะกลายเป็นคนเก็บตัว ปิดตัวเองไป

เราพยายามยืนได้ด้วยขาเราเองได้นั่น ถูกต้องแล้วครับ
แต่ถ้ามีคนหยิบยื่นขาเทียมมาให้ หรือคอยช่วยพยุงกันไป
นั่นก็ยิ่งดีใหญ่ เพราะวันใดที่เค้ายืนไม่ไหว ...
เราก็พร้อมที่จะเป็นขาให้เขาแทน
ผลัดกันยืน ผลัดกันกินแรง ก็ทำให้ไปถึงจุดหมายได้เหมือนกัน :)

Unknown said...

แง เมื่อกี้พิมพ์ไปต้างเยอะ มันหายไปไหนแล้วอ่ะ

ไว้คึกๆ แล้วมาตอบใหม่

Unknown said...

อ่ะ เริ่มคึกแล้ว หลังจากน้ำเมาเข้าปาก อิอิ

จะบอกว่า พึ่งไปดูฮานาบิคนเดียวมาเหมือนกัน ที่ Tsuchiura ตอนแรกนัดกับชาวทสึคุบะไว้ แต่แลปส้มเสร็จช้าเลยไปสาย + ติดต่อกันไม่ได้ (ที่จริง ไม่พยายามติดต่อเค้าด้วยหล่ะ เพราะอย่างที่พี่ก้องบอกแหล่ะ พอติดต่อแล้ว จะกลายเป็นวุ่นวายทั้งสองฝ่าย ก็พยายามเดินไปให้ใกล้ที่ที่เค้านั่งที่สุด แล้วค่อยติดต่อเค้า แต่สุดท้ายก็ติดต่อกันไม่ได้อยู่ดี เพราะซอฟแบงค์ไม่มีสัญญาณ เหอะๆ )
ก็เลยได้เดินดูฮานาบิคนเดียวแบบไม่ได้ตั้งตัว แต่ดันติดใจแทน
ไม่รู้สิกลายเป็นว่าการดูคนเดียว เราได้มีเวลาชื่นชมมันมากขึ้น และได้รับรู้ถึงความสุขที่เราได้รับจากมันจริงๆ
มันไม่เหงานะ กับการดูดอกไม้ไฟคนเดียว เพราะว่า คนรอบๆข้างเรา ที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้น ทุกคนมาด้วยจุดประสงค์เดียวกันคือ มาดูดอกไม้ไฟ พอดอกไม้ไฟสวยๆ ถูกจุดขึ้น มันก็ไม่ใช่แค่เราคนเดียวที่อิ่มเอมใจ

มันเป็นอารมณ์ที่ทุกคน(ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก)มาร่วมกันแบ่งปันความสุข ว่าแล้ว อยากไปดูอีกจัง

KonG said...

โอ้ว ขอบคุณมากน้องส้มที่เข้ามาเม้นท์ให้
ขอบคุณมากคร้าบบ

เห็นด้วยกับความคิดส้มครับ
บางทีมองเด็กๆ ที่มากับพ่อแม่ ก็มีความสุขแล้ว