Thursday, December 14, 2006

การเดินทางกับเพื่อนใหม่ #1

ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของเรานั้น มันช่างแตกต่างกับแต่ก่อนเสียเหลือเกิน
แต่ก่อนต้องรีบตื่นแต่เช้า เพื่อไปเฝ้าอาจารย์ทั้งวัน นั่งวุ่นอยู่กับงานจนเย็น ค่ำ ดึกดื่น โงหัวมาอีกทีก็มืดเสียแล้ว
เรียกได้ว่ายิ่งกว่า เซ็นทรัลมิดไนท์เซลล์ เที่ยงวันยันเที่ยงคืนเสียอีก ล่าสุดก็ตีสี่ถึงได้โต๋เต๋กลับบ้าน
บางวันก็อดข้าว อดน้ำ เนื่องจากความต่อเนื่องของงาน และความซูเปอร์บีซี่ของอาจารย์ ทำให้ต้องเฝ้ากันทั้งวันทั้งคืน
เลยทีเดียว

แต่วันนี้ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปมาก ตื่นสายๆ ได้ วันๆ ไม่ค่อยได้ทำอะไร ไปโรงพยาบาลกลับบ้าน กินยา นอน และตื่นมากินยา
อีกที ดูเหมือนจะมีความสุข แต่ก็รู้สึกวืดๆ เหมือนกัน ว่าชีวิตมันจะไ้ร้ค่าไปไหมนะ แต่นั่นแหละ ชีวิตเกิดมาจะเอาอะไรมาก
มีความสุขกับทุกวัน กับปัจจุบันก็พอ เพราะไม่รู้จะตายวันไหน เกียรติภูมิ เีกียรติยศ สร้างสมไว้เยอะเท่าไหน
คบคนไว้มากเท่าไหร่ ความรู้สึกรักโลภโกรธหลงมากมายแค่ไหน ตายไปก็มลายสิ้นไปอยู่ดี

เมื่อวานก็ได้บอกที่บ้านไปแล้ว ว่าเป็นอะไรและเิกิดอะไรขึ้น ม่าม๊าก็ดูแลดีมากๆ เอาข้าวเอาน้ำมาส่ง เช้าๆ ปลุกให้กินยาอีก
ขนมนมเนยเตรียมไว้เพียบเลย จริงๆ อยากจะบอกว่าไม่เป็นอะไรจ้า ยังเดินได้ หาอะไรกินได้ ไม่ได้ป่วยนอนแหมบอยู่บนเตียง แต่มาม๊าทรีดเหมือนกำลังจะตายเลย อิอิ .... ตอนบอกมาม๊า มาม๊าก็ไม่ได้มีอาการตกใจอะไรมากนะ เพราะแอบบอกแบบเรียบๆ เงียบๆ ไม่ซีเรียส มาม๊าบอกว่า อายุยังน้อยอยู่เลย
จะรีบป่วยรีบตายไปทำไม แล้วก็บ่นๆ ๆๆ เรื่องเราไม่กิน ไม่ดูแลสุขภาพ ซะประมาณนึง จนต้องรีบเผ่นหนีออกมา
อิอิ ... ก็มันทำได้ดีแค่นั้นนี่หน่า ไม่มีคนมาช่วยดูแลนิ.... ทำได้เท่านั้นก็สุดๆ แล้ว.... โรคภัยมันจะมา มันก็มาของมันเอง
แม้ว่าเราจะดูแลดีแค่ไหนก็ตาม ประมาณว่า กรรมเก่าด้วยอ่ะนะ
ตอนนี้ก็เลย เสมือนว่าเป็นคุณชายนิดๆ อิอิ... ม่ายรู้ว่าจะเป็นได้อีกนานแค่ไหนนะ ....ตอนนี้ก็ขอแอบสบายนี้ดส์นึง
เผื่ออนาคตอาจจะต้องลำบากกว่านี้

ตอนนี้แอบสนุกกับการหาข้อมูล และวางแผนการ diag ตัวเอง ว่าจะต้องไปโรงบาลโน้น โรงบาลนี้ ที่ไหนอย่างไร
ต้องทำบัตรที่โรงบาลไหนบ้าง แล้วจะให้หมอไหนตรวจ ไปรับยาที่ไหนดี ค่าใช้จ่ายอันไหนที่ไหนถูกกว่า
ตังค์ก็ม่ายค่อยจะมี คงต้องหางานทำอะไรบ้างแล้วล่ะ จะได้เอามาจ่ายค่ายา ค่าหมอ .....อื่ม ทำอะไรดีน้า......
แล้วทำอะไรได้บ้างน้า....... ทำไม๊ ไม่เป็นโรคที่ใช้จ่ายถูกๆ น้า หรือไม่ก็เป็นโรคที่ตายไปเลยทีเดียว
จะได้ไม่ต้องเปลืองตังค์ เปลืองเวลาเนอะ

เฮ้อ... ยังเหลือเรื่องลำบากใจอีกอย่าง ก็เรื่องเรียนนี่แหละ .... ทำไงดีน้า...เวลาเรียนก็เหลือน้อยเต็มที
เวลาชีวิตก็มีจำกัด..... เรียนไปแล้วจะได้อะไรล่ะเนี่ย แลกกับสุขภาพที่เสียไป เอาคืนมาไม่ได้เหมือนกัน
แต่ก็นะ มาเกือบจะสุดทางแล้ว จะทิ้งไปก็ใช่ที่ ทำให้มันเต็มที่ที่สุดละกัน อาจต้องมีแผนอื่นๆ มาใช้ในการเลี่ยง
ที่จะทำให้งานเสร็จโดยที่ไม่ต้องไปโรงเรียนบ่อยๆ แบบแต่ก่อน ทำไงดีหว่า ยากแฮะ.... ไม่น่าเล้ยตู
ไม่น่ารู้เลยว่าเป็นอะไรตอนนี้ แต่ก็นะ รู้เขารู้เรา... รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง (เอ๊ะ เกี่ยวไหมเนี่ย) กร๊ากกกกก

Wednesday, December 13, 2006

ลาก่อนเพื่อนรัก

หลังจากเริ่มรู้ว่ามีเพื่อนใหม่ เราก็เริ่มที่จะ start ยา ซึ่งถือว่าเยอะมากๆ วันๆ นึงรวมกันร่วม 13 เม็ดได้
หวังว่ามันจะไม่เยอะกว่านี้นะ เพราะตัวเราเองเป็นคนกินยายากเอามากๆ กินทีไรจะอาเจียนทุกที
เฮ้อ...แต่อีกหน่อยคงจะชินเองแหละ....

อื่ม ไม่รู้จะบอกคนรอบข้างยังไงดีนะ
มันเป็นอาการที่อยู่กับคนที่เรารักไม่ได้ บอกใครก็ไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และจะเกิดปฏิกิริยาอย่างไร
เราไม่อยากจะเพิ่มความเสี่ยงทั้งต่อ ตัวเราเอง และคนอื่น ให้เกิดอาการ infection ใดๆ ทั้งสิ้น แม้จะเปอร์เซ็นต์เดียว
ร่างกายเราก็คงจะวีคลงเรื่อยๆ ไปไหนหรือทำอะไรก็คงจะได้ไม่มากนัก ไปเที่ยวอย่างที่เราเคยอยากไป กับคนที่เราอยากไป ก็คงจะทำไม่ได้เท่าไหร่ ตัวเราเองน่ะไม่ห่วงอะไรเลย จะเป็นจะตายก็ไม่ซีเรียสเท่าไหร่
แต่เป็นห่วงคนที่เรารักล่ะนะ ทั้งกลัวว่าเค้าจะไม่ปลอดภัย และเกรงว่าเค้าคงไม่เข้าใจ ว่าทำไมเราถึงหายไปจากชีวิตเค้า
มันก็คงยากในช่วงแรกๆ ที่จะทำใจ แต่ในอนาคตคนที่เรารัก เค้าก็คงจะชิน ที่ภาพของเราจะเลือนหายจากไปเรื่อยๆ ดีเหมือนกัน จะได้ทำใจไว้ล่วงหน้า..... หากมีอะไรผิดพลาด

เคยคุยกับคนที่เรารักคนนึง ว่าอยากทำอะไร ถ้ารู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย เ้ค้าบอกว่า เค้าจะเอาเงินทั้งหมดที่เก็บไว้ ไปเช่าู่รีสอร์ทแห่งนึงริมทะเล จะอยู่ที่นั่นจนตาย .... อื่ม เราก็อยากทำแบบนั้นบ้างเหมือนกันนะ แต่ึคงม่ายมีตังค์ทำขนาดนั้น แถมอาจจะต้องรักษาตัวตามที่ควรจะทำและควรจะเป็น แม้ว่ามีโอกาสที่จะหายหรือไม่ก็ตาม แถมยังต้องใช้เวลารักษาเนิ่นนาน จนแทบจะตายจากกันได้เลย เฮ้อ....อะไรๆ มันคงไม่ง่ายเท่าไหร่ล่ะนะ อยากทำอะไรตามใจตัวเอง ก็ึคงยากเหมือนกัน

ทั้งหมดทั้งมวล มันคงจะทำให้เราเสียเพื่อนรักไป ในขณะที่เราได้เพื่อนใหม่ที่ไม่ต้องการมา เวลาที่จะได้ใช้กับเพื่อนที่เรารัก ก็จะหมดลงไปเรื่อยๆ จริงๆ เราก็ุคุยโทรศัพท์กันได้นะ แต่มันจะทำให้เราคิดถึง อยากเจอ อยากไปหา แต่มันเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้น่ะสิ มันจะทรมานมากกว่าหรือเปล่า อยู่ห่างกัน ไม่ได้ติดต่อกัน แน่นอนว่าคนเราก็จะเปลี่ยนไปได้
ใจหายเหมือนกัน ที่ต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างนี้ แต่เพื่อ ครอบครัว เพื่อนที่เรารัก สังคมที่เราเคยอยู่ เราจำเป็นต้องทำอย่างที่อาจารย์หมอแนะนำไว้
แต่เราว่า เพื่อนรักเราก็จะมีเพื่อนใหม่ๆ ที่เป็นคน มาถ่ายเทความรู้สึกดีๆ แทนเราได้ ส่วนเราก็มีเพื่อนใหม่นะที่อยู่ในร่างกายเรา ซึ่งเราก็คงต้องดูแลให้เค้ากลับบ้านไปเร็วๆ

ปล.
เมื่อวานนี้ได้คุยกับเพื่อนที่เรารักคนนึง อยู่ดีๆ ก็คุยไม่ได้ล่ะ ขับรถไปร้องไห้ไป นานเชียวกว่าจะหยุด งงเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าอาการนี้ทำให้เราเซนต์ซิทีฟขึ้นด้วยหรือเปล่าหว่า ไม่เคยเป็นมาก่อนนะ ต้องขอโทษเพื่อนคนนั้นด้วยนะ ที่พูดอะไรไม่ออกเลย จะอธิบายก็ติดอยู่ที่คอ น้ำตามันไหลออกมาก่อน ว้า..แย่จัง อ่่อนแอจริงๆ วุ้ย.... เข้มแข็งหน่อยไอ้หนุ่ม

Monday, December 11, 2006

สวัสดีเพื่อนใหม่

วันนี้เป็นวันที่สองที่ได้รู้ว่ามีเพื่อนใหม่อยู่ในตัวเรา

จริงๆ แล้ว ถือเป็นวันแรกก็ได้นะ ที่จะมั่นใจว่ามีเพื่อนใหม่จริงๆ
เรื่องมันเริ่มจากเมื่อวานนี้ล่ะนะ ที่นึกคึกหลังจากที่ทำงานติดต่อกันมานานแสนนาน
คิดว่าจะให้อะไรกลับตัวเองได้บ้าง....เลยไปเช็คอัพร่างกาย ตามโปรแกรมของโรงพยาบาล
ในใจก็คิดลึกๆ แหละว่า จะต้องเป็นโรคอะไรสักอย่างหนึ่ง ไม่ตับ ก็ไต ไม่ไตก็กระเพาะ
เพราะความที่กินข้าวไม่ตรงเวลา และมีอาการอ่อนเพลียอยู่เนืองๆ .....
รพ.เอกชน ระบบก็รวดเร็วปุ๊บปั๊บ พอดีไปเช้าด้วย คนก็เลยน๊อยน้อย

หลังจากตรวจทุกอย่างเสร็จสรรพก็เข้าพบหมอ เพื่อให้หมออ่านผลตรวจให้ฟัง
ผลทุกอย่างปกติหมด ทั้งตับทั้งไตไส้พุง แต่..........มีบางสิ่งผิดปกติ!!
หมอสงสัยว่า มีเพื่อนใหม่มาอยู่ในร่างกายเราด้วยล่ะ

หลังจากคลับคล้ายคลับคลาว่าจะมีเพื่อนใหม่ วันนี้จึงได้ฤกษ์งามยามดี
ไปตรวจหน่อยให้แน่ใจว่าเรามีเพื่อนใหม่จริงหรือเปล่า......เอ่ย

หลังจากคอนซัลท์หมอเฉพาะทางอยู่นานสองนาน
หมอทุกท่านก็ลงความเห็นเหมือนกันว่า เรามีเพื่อนใหม่อยู่ค่อนข้างจะแน่แล้ว 95%
ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่า เพื่อนใหม่เป็นใคร เพื่อนใหม่มาทำอะไร และมาจากไหน
เพื่อนใหม่หน้าตาเป็นยังไงก็ไม่่รู้ แตที่รู้คือ เพื่อนใหม่ค่อนข้างดุอยู่สักเล็กน้อย ทำให้ร่างกายเราเป็นรูบะเิริ้มเลย
เพื่อนใหม่น่าจะเข้ามาอาศัยอยู่ไม่นาน แต่เพื่อนใหม่ไม่เคยก่อความรำคาญให้เรารู้สึกว่ามีเค้าอยู่มาก่อน
เพื่อนใหม่จะอยู่กับเราไปเรื่อย และจะชักชวนเพื่อนของเพื่อนมาอยู่เพิ่มขึ้นเยอะๆ
แต่ตอนนั้นเราคงมีที่ให้เค้าอยู่กันได้ไม่พอ ....เพื่อนใหม่อาจจะไม่พอใจประท้วงบอยคอร์ดร่างกายเราก็ได้

การได้รู้ว่ามีเพื่อนใหม่มาอยู่ด้วย จริงๆ ก็ควรจะเีสียใจทุกข์ใจนะ
แต่เราก็รู้่สึกเฉยๆ มากกว่า ไม่เดือดไม่ร้อน ว่าเพื่อนใหม่จะทำให้เราตายเร็วขึ้นหรือไม่
สิ่งที่เป็นกังวลมากกว่า คือ เราจะแพร่เอาเืพื่อนของเราให้คนอื่นหรือเปล่านะ
เราจะต้องดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ให้เพื่อนใหม่ตัวใหญ่ไปมากกว่านี้
การดูแลก็ดูท่าจะลำบากลำบนเหมือนกัน ร่างกายเราอาจจะทรมานมากขึ้น และเสื่อมไวลง
เอฟเฟกซ์ของยาคงทำให้โทรมลงแน่ๆ เลย
เราต้องห่างกับเพื่อนๆ และคนอื่นๆ แล้วล่ะ อย่างที่ อาจารย์หมอบอก เพื่อป้องกันไม่ให้เพื่อนใหม่กระโดดไปที่อื่นๆ
คงถึงเวลาที่เราต้องอยู่คนเดียวอย่างที่เราเคยคิดคาดการณ์ไว้แล้วจริงๆ ว้า....มาเร็วจัง

ปล.
รู้กรุ๊ปเลือดแล้วล่ะ เพิ่งรู้จากตรวจร่างกายนี่เอง เป็นคนกรุ๊ป A แหละ เอ๊.....เค้าทำนายว่ายังไงนะ คนกรุ๊ปนี้ ตายไวหรือเปล่าน้อ