Monday, December 06, 2021

6 ธันวาคม 2564
วันที่เริ่มความคิดใหม่ๆ ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่และยั่งยืน ในวัย 41 ปี เราทำอะไรมามากมาย ทั้งต่อตนเอง ครอบครัว และคนรอบข้าง แต่อะไรคือความยั่งยืนที่จะทำให้เราตั้งตาคอย ในการตื่นเช้าขึ้นมาทุกๆ วันในอีก 40 ปีที่เหลือ ช่วงเวลาชีวิต จิตและร่างกายไม่ใช่ของเรา สักวันก็ต้องคืนกลับไปสู่ธรรมชาติ แต่เราจะฝากอะไรทิ้งไว้ในโลกนี้ เป็นคำถามที่ติดอยู่ในหัวมาตลอดปีสองปีที่ผ่านมา ถึงเวลาแล้วที่ต้องลุกขึ้นเปลี่ยนแปลง ถึงเวลาที่ต้องไขว่คว้าหาโอกาส ทำยังไงให้ร่างกายแข็งแกร่งพอที่จะขับเคลื่อนสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้เร็ว accelerate ตัวเองยังไงให้เร่งและทุ่มเทกับสิ่งใด อย่างมีความสุข เราจะไม่หยุดมุ่งมั่น จนกว่าจะถึงวันที่เราเข้าใกล้นิพพาน Let's the destiny begins.

Monday, April 14, 2014

สุวรรณภูมิยุคพัฒนา

สำหรับใครที่ทันการเดินทางด้วยเครื่องบินจากแต่ก่อนที่มีแค่ดอนเมืองอาคารเดียว เป็นสองอาคาร และย้ายมาเป็นสุวรรณภูมิ ช่วงแรกๆ ของการเปลี่ยนถ่าย มีความไม่สะดวกสบายหลายประการ จนหลายๆ เสียงยี้ ถึงคำว่าสนามบินที่จะเป็น hub ของอาเซียน เราจะไม่พูดถึงอดีตแต่มาดูปัจจุบันกันดีกว่า

ยุคนี้สุวรรณภูมิพัฒนาไปมากจริงๆ
ทั้งรายละเอียดตัวอาคาร การขนส่ง และปริมาณการจราจร จนหลายๆครั้งที่รันเวย์มีปัญหา ก็ทำให้ระบบการบินทั่วภูมิภาครวนได้เหมือนกัน แต่ที่อยากจะเล่าและใหม่ในประสบการณ์ของผู้เขียน คือเดี๋ยวนี้มีคอมพิวเตอร์ตั้ง คล้ายๆร้านเนตออนไลน์ให้ใช้กันฟรี มีเก้าอี้นั่งที่ปรับนอนได้เหมือนเบาะนวด หรือการรับพาสเวิร์ดฟรีไวไฟก็มีจุดแจกเยอะขึ้นไม่น้อยเหมือนแต่ก่อน แม้แต่ห้องน้ำที่สมัยเปิดใหม่ๆ ก็ด่ากันขรมแต่ตอนนี้ปรับปรุงซะสวยเช้ง แถมมี digital wall ให้เล่นอีกด้วย

ก็ได้แต่หวังว่าบัานเราจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ไม่งั้นถูกเพื่อนแซงแน่ ได้ข่าวมาว่า ชางฮีที่สิงคโปร์เตรียมเปิดเทอร์มินัลใหม่ และเวียดนามกำลังสร้างสนามบินใหม่อีก คู่แข่งรอจ่อคอหอยอยู่แล้ว

ดินแดนแห่งความเสรี

11 ชั่วโมงกับการเดินทาง ความคาดหวังที่คิดว่าความเป็นเมืองอุตสาหกรรม น่าจะมีบ้านเรือนอาคารอย่างหนาแน่น ตรงกันข้าม เมื่อเครื่องบินลดระดับ สิ่งที่ปรากฎต่อสายตาคือความเขียวขจีสลับกับท้องทุ่งข้าวสาลี และพื้นที่เปล่าที่เก็บเกี่ยวแล้ว และกลุ่มของบ้านเรือนที่กระจายตัวเป็นหย่อมๆ ถนนที่เรียบง่ายแต่ได้รับการวางมาแล้วอย่างดี เข้าถึงทุกพื้นที่ไร่นา แม้จะมีคดเคี้ยวบ้างแต่ก็มีขนาดเท่าๆกันตามมาตรฐาน กลุ่มต้นสนหนาแน่นอยู่กระจายเป็นหย่อมๆ อย่างเป็นระเบียบ ผิดจากสิ่งที่แต่เป็นในทางที่เห็นแล้วต้องทึ่งมากว่าผิดหวัง ว่าเมืองที่เจริญขนาดนี้ไฉนพื้นที่สีเขียวยังคงมากมายได้ขนาดนี้ สนามบินที่นี่ก็ดูเรียบง่าย ไม่ต้องหรูหราแต่มีฟังก์ชันอำนวยความสะดวกครบครัน การจัดตารางไฟลท์ช่วยได้เยอะทำให้ผู้โดยสารไม่เยอะ รับกระเป๋ากันได้สบายแม้กระเป๋าจะออกมาช้าสักหน่อย. การเดินทางเข้าเมืองก็สะดวกสบาย ออกสนามบินลงรถไฟได้เลย ที่น่าแปลกกว่าคือที่ซื้อตั๋วอยู่ในชานชาลา ไม่มีประตูกั้นใดๆ ทั้งสิ้น นั่นหมายความว่าไม่ซื้อตั๋วก็ขึ้นรถไฟได้เลย ถึงมาเป็นชื่อตอนว่า ช่างเสรีจริงๆ เมืองนี้ ประเทศนี้ แต่คิดว่าคนเมืองนี้คงมีความเคารพในตัวเองมากพอ ที่จะไม่ขโมยบริการ แม้จะสามารถทำได้ก็ตาม ทั้งนี้คงด้วยความเข้มงวดที่อาจแจ๊กพอตแตกโดนตรวจระหว่างทางแล้วต้องโดนปรับราคาแพงโข ก็เป็นได้ เริ่มสนุกกับการได้เรียนรู้ความคิดจิตใจของมนุษย์ในอีกซีกโลกหนึ่งละ

Sunday, April 13, 2014

การเดินทางที่แสนยาวไกล

ถ้าพูดถึงการเดินทาง หลายคนคงนึกถึงการออกเดินทางท่องเที่ยว หรือทำธุรกิจ แต่ในบางมิติก็หมายถึง การตัดสินใจเพื่อเริ่มต้นเส้นทางใหม่ของชีวิต มนุษย์ทุกคนล้วนมีเส้นทางที่เริ่มออกเดินของตัวเองมาอยู่แล้ว เราจะรู้สึกปลอดภัยเมื่อเราอยู่บนเส้นทางเดิมเพราะความคุ้นชิน แต่บ่อยครั้งความคุ้นชินนี้ก็อาจทำให้เราเบื่อหน่าย 

ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่มนุษย์ส่วนใหญ่ จะเลือกอยู่บนเส้นทางเดิม ทนอยู่กับเส้นทางเดิมแม้จะเบื่อแค่ไหนก็ตาม นั่นเพราะปัจจัยในการตัดสินใจในชีวิต แต่ก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งไม่น้อยในโลกใบนี้ที่จะตัดสินใจเริ่มต้นกับเส้นทางใหม่ๆ ด้วยหวังว่าจะนำพาไปสู่จุดหมายที่ดีกว่าหรือน่าตื่นเต้นกว่า

แล้วคุณล่ะจะเลือกทางเดินไหน?
ส่วนผมผมชอบความตื่นเต้นท้าทายครับ ผมรู้สึกว่าชีวิตคงไม่สนุกถ้าเราต้องทนเดินบนทางลำบากเส้นเดิมๆ  ที่รอบๆ ข้างก็เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่เรามีทางเลือกทางเดินใหม่ ที่อาจจะลำบากกว่าเดิมก็ได้ แต่มันก็น่าตื่นเต้นดี กับช่วงชีวิตที่เรามีอยู่หรือเปล่า?

When the journey begins ...

はい お久しぶりです

Well... Sorry. I just have time to update blog. Let's me bring you to the land of castle! Sorry again but it will be in Thai!
Enjoy!!! 

Saturday, June 25, 2011

Mirror

กระจกไม่เคยยิ้มให้ใครก่อน

"The mirror never smiles first"

Tuesday, May 31, 2011

วันสิ้นเดือน

เมื่อวานนี้ ได้รับข่าวดีจากเพื่อนญี่ปุ่นว่า
ภรรยาคลอดลูกชายแล้ว เพื่อนคนนี้คบกันมายาวนาน
ตั้งแต่ไปญี่ปุ่นแรกๆ เลย เพราะเป็นเพื่อนในแลบด้วย
และพอเราเรียนจบก็ชักชวนให้ไปทำงานญี่ปุ่นด้วย

รู้จักกันตั้งแต่ก่อนเค้ามีแฟน จนมีแฟน จนแต่งงาน
และเชิญเราไปเป็นพยาน ที่ต้องทำพิธียืนต่อหน้าแขกคนญี่ปุ่นอีกนับสิบ
และเซ็นต์ชื่อในใบทะเบียนสมรสด้วย
จนเมื่อวานนี้ เค้ามีลูกชายแล้ว อื่มมม รู้สึกดีที่ได้เป็นพยานในทุกๆ ช่วงชีวิตของเพื่อนคนนึง
เค้าว่าคนญี่ปุ่นสนิทด้วยยาก แต่ถ้าสนิทกันแล้ว ก็สนิทกันไปตลอดทีเดียว

วันนี้สิ้นเดือน
ได้เงินเดือน (ที่ต้องเสียภาษีไทย) จริงๆ แล้วครั้งแรก
แผนการจัดการเงินออกมาเป็นรูปร่างก่อนจะมีเงินเดือนซะอีก
เค้าว่ากันว่า ถ้าบริหารเงินดีๆ เราก็จะเหนื่อยน้อยลง ออมก่อน รวยกว่า
หวังว่าแผนจะใช้ได้ผลนะ
แผนการใช้เงินอันดับแรกเลยคือ โอนเงินให้พ่อแม่
และมีอันดับอื่นตามมาอีกมากมาย เวลาไปธนาคารที ต้องไปครบทุกแบงค์กันเลย
เพราะซอยบัญชีย่อยเยอะมาก . . .

วันนี้ประชุมสาขา ก็เฮฮาๆ ตามอัตภาพ ยังไม่รู้ว่าจะพูดไม่ควรพูดอะไร
สักพักคงจะคุ้นชิ้น แต่อยู่ดีๆ ก็ได้ดูแลหมวดวิชานึงมาด้วย
ประมาณว่าในอนาคตจะตั้งเป็นแลบเฉพาะทาง ค่อยเป็นค่อยไปละกันดูว่าจะทำอะไรได้บ้าง
หลังจากประชุมสาขาเสร็จ ก็รีบกลับมานอน เพราะง่วงมากมาย
ตื่นตั้งกะตีสองนี่ ตอนนี้เลยตาสว่างอยู่เลย คงเตรียมสอนซะหน่อย เพราะที่ทำงาน แต่ทำงานไม่ได้เล้ยย