Tuesday, January 27, 2009

ภาษาไม่พร้อม ยังเสร่อเม้าท์ภาษาญี่ปุ่นอีก

วันนี้อารมณ์ชิลๆ เดินลงไปที่ห้องแลบ
ปรากฎว่าเค้าไปเซมิกันหมด เหลือคุณเลขาคนเดียวในห้อง
เลยชวนเม้าท์อย่างเมามัน - -" แต่คุณเลขาพูดแต่ญี่ปุ่นนะ
จับใจความได้กระท่อนกระแท่น เรื่องที่คุยมีดังนี้ 

- เปิดประเด็นเรื่องหิมะตกเมื่อวันเสาร์ก่อนเลย ถามว่าเห็นมั้ย
  ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่เห็น (ถ้าผมอยู่นอกบ้าน ผมก็ไม่เห็น)
  เธอบอกว่าจากทีวีบอกว่า แถวโยโกฮาม่าบนเขาโน่นตกเยอะ .... อื้มเราฟังรู้เรื่องด้วยแฮะ
  ก็เลยถามต่อว่า ปีนี้คิดว่าโตเกียวหิมะจะตกไหมครับบบ
  เธอก็ว่า ปกติมันจะตกเดือนหนึ่งนะ นี่ก็จะสิ้นเดือนแล้ว อาจจะไม่ได้เห็น แต่จริงๆ เดือนสองหนาวสุดนะ

- คุยกันเรื่องซูโม่ที่เพิ่งแข่งจบไป
  คุณเลขาใจดี เล่าให้ฟังว่า คุณพ่อคุณแม่เค้าเคยไปดู เค้าจะมีการจัดอาหารเซตไว้ให้ มีนาเบะมีของกิน
  เหมือนไปชมโชว์ยังไงยังงั้นเลย แต่ราคาแพงน่าดูเลยทีเดียว 
  เราก็ถามเค้าว่าซูโม่เนี่ยต้องเป็นแต่เด็กหรือเปล่า เค้าว่าไม่หรอกมั้ง ก็คงต้องจบโรงเรียนมัธยม
  หรือจบมหาวิทยาลัยมาก่อนแล้วค่อยฝึกเป็น แล้วซูโม่ก็ต้องกินเก่งๆ ด้วย ดีเนอะ อาชีพนี้ กิน นอน ฝึก
  แต่เค้าก็บอกว่า ชีวิตพวกนี้ก็ลำบากนา เหมือนกีฬาชนิดอื่นๆ แหละ ที่ต้องฝึกฝนกันเยอะๆ ถึงจะได้เก่งๆ

- เค้าถามต่อว่า แล้วเมืองไทยล่ะ กีฬาอะไรที่ดัง เราก็บอกนี่เลย มวย...
  เค้าเล่าว่า น้องสามเค้าก็เคยฝึกมวยล่ะ อยู่สักพักนึง (เริ่มแปลไม่ออก) แล้วเค้าก็มีแฟน 
  แต่ผู้ชายกลัวผู้หญิงที่เป็นมวย ... เลยไม่ค่อยกล้าเท่าไหร่ กลัวจะทำอาหารไป ทุบตู้ไป O00O
  หรือถ้าทะเลาะกันก็กลัวถูกทุ่ม น้องเค้าเลยเลิกฝึกมวย หันมามีสามีดีกว่า  เง้ออออ 
  (เม้าท์ขนาดนี้ได้ไงนี่ผม)

- พูดไปพูดมา เลยถามเรื่องเงินค่าเครื่องบินคอนเฟอเรนซ์ซะเลย ก็สรุปว่า เงินยังไม่เข้า
  เธอก็ช่วยเช็คให้ใส่ใจอย่างดีเลย เนื่องจากไม่ใช่อะไรหรอก เงินมันเยอะกลัวจะหมุนไม่ทัน เหอๆๆ
  หน้าด้านจริงๆ ผม ฮ่ะๆ รู้ทั้งรู้อยู่ว่าเค้าเร่งทำให้ตาม process อยู่แล้วไม่มีตกบกพร่อง ก็ยังจะถามอีก
  จริงๆ ก็หาเรื่องคุยล่ะ แล้วบอกว่าเนี่ยถ้าเงินไม่เข้า เราจะไม่มีเงินไปเที่ยวน้ะ
  (ศัพท์ที่พูดไปนี่ห่วยสิ้นดี มั่วมาก แต่เค้าก็พยายามเข้าใจเราอ่ะนะ ....เมตตาสุดๆ)
  เลยถามเรื่องงบของมหาลัย ว่ามันเป็นยังไงเหรอ ก็รู้ว่ามันมีเป็นสองส่วน 
  ของเราส่วนแรกคือเงิน JSPS ที่เข้ามหาลัย ชิเอคิง? ไปคอนเฟอเรนซ์ ใช้ไปโน่นนี่
  อีกส่วนคือสำหรับนักวิจัยอ่ะ เคงคิวโชคิง? ซึ่งปีนี้จะตัดเดือนสามนี่ล่ะ อีกประมาณสองแสนเยน 
  เดี๋ยวว่าจะต้องซื้ออะไร ซะหน่อยล่ะ

ที่เล่ามาทังหมดนี่ ไม่รู้นะว่าแปลถูกป่าว แต่คุยสนุกมาก มีหัวเราะเฮฮา 
(ทั้งๆ ที่ยังงงบางเรื่องว่าแปลว่าอะไรหว่า)
ถ้าภาษาดีกว่านี้ คงคุยกันสนุกกว่านี้ล่ะเนอะ

เอ้า จะเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นจริงจังได้ซะทีหรือยัง ??? !!

Monday, January 26, 2009

Three Things in Life

Three irrevocable thing in life are
Word
Time ...
And chance

Three undeniable thing in life are
Serenity
Honesty
And hope


Three gems of life are
Love
Self-esteem
And true friends

Three uncertainties in life are
Dreams
Success
And fate

Thee things that deteriorate life are
Arrogance
Liquor
And anger

Kind hearts are the garden
Kind thought are the root
Kind words are the blossoms...
Kind deeds are the fruits

Wednesday, January 21, 2009

New Year's Resolution

เริ่มปีใหม่ เปิดศักราชใหม่แล้ว
มาขอดูหน่อยสิว่า ปีที่ผ่านมา มีอะไรผ่านมาในชีวิตบ้าง แล้วจะปรับปรุงแก้ไขยังไงในปีนี้

1. อารมณ์
ปีที่ผ่านมา เสถียรภาพทางอารมณ์อยู่ในขั้นวิกฤต มีการเปลี่ยนแปลงเยอะ
แต่ถือได้้ว่าดีกว่าปีก่อนๆ สมัยที่ยังเรียนเอกอยู่ มีการพัฒนาอารมณ์ให้เสถียรขึ้นเกิน 30%
แต่ก็ยังไม่ถาวร เป็นได้ชั่วครั้งชั่วคราว เป็นพักๆ อารมณ์ที่ทำให้เกิดความไม่เสถียร ได้แก่
- กลัว: กลัวเรื่องงาน เรื่องเพื่อน เรื่องอนาคต
- กังวล: ตามมาติดๆ กับความกลัวเลยทีเดียว จะกังวลว่านั่นโน่นนี่จะไม่เสร็จ ไม่ปล่อยวางแต่ละเรื่องสักที เอากลับมาใส่หัวอยู่เรื่อยๆ
- สมาธิ: จริงๆ แล้วสมาธิไม่ใช่อารมณ์หรอก แต่การที่มีความแปรปรวนทางอารมณ์ทำให้ไม่มีสมาธิ จดจ่อกับสิ่งที่ทำไม่ได้
อันนี้ต้องแก้ไขโดยด่วน มิฉะนั่นจะทำงานไม่ได้ และทำอะไรไม่ได้ดี

2. เพื่อนฝูง
ปีที่ผ่านมา ปริมาณเพื่อนฝูงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ได้มีโอกาสทำงานสาธารณะ
รู้จักกับคนเก่งๆ ฉลาดๆ หลายๆ คน เปิดโลกทรรศน์ให้ตัวเองได้มาก แต่อย่างไรก็ตาม
เพื่อนมาก ใช่ว่าจะสนิทกับทุกคนเสมอไป ก็จะมีระดับของความสนิทลดหลั่นกันไป
ต้องหาวิธีดีๆ ในการยืดมิตรภาพให้ยาวนานดีๆ เหมือนต้นไม้ถ้าไม่รดน้ำบ้าง มันก็จะเหี่ยวเร็ว

3. เวลา
เมื่อเพื่อนเยอะ เวลาที่อยู่กับเพื่อนฝูงก็เยอะไปด้วย ทำให้เวลาทำงาน และเวลาอยู่กับตัวเอง
รวมไปถึงเวลาที่อยากมีเพื่อไปหาอะไรๆ สนุกๆ ทำด้วยตัวเอง ก็พลอยหดหายไปด้วย
ดังนั้นต้องจัดสรรเวลาใหม่ให้ดี หัดปฏิเสธให้เป็น ศิลปะในการพูดยังคงสำคัญในชีวิตเราอยู่

4. โอกาเนะ
ปีที่ผ่านมาเหมือนตั้งความหวังว่า จะเก็บเงินให้ได้เยอะหน่อย เพราะเป็นปีแรกที่ทำงานเต็มตัว
แต่ก็ไม่สำเร็จเท่าไหร่ ได้มาก็ส่งไปให้ที่บ้านหมดแล้ว ก็โอเคนะสำหรับเงินเก็บในปีแรก
ที่จะตอบแทนครอบครัว มีบ้านใหม่ให้พ่อกับแม่อยู่ ก็คงได้ตอบแทนแค่เสี้ยวส่วนหนึ่งล่ะที่เค้าเลี้ยงเรามา
เราไม่ได้เกิดมาจากกระบอกข้าวหลามนี่เนอะ ชีวิตจะได้มีตัวคนเดียว ทำงานเอง รับเงินเอง ใช้เงินคนเดียว
น่าจะเพียงพอแล้วล่ะสำหรับปีที่ผ่านมา สำหรับเงินหมุนในการสร้างบ้านหลังนึง (ที่ยังต้องผ่อนอีกหลายสิบปี)
เอาว่า ปีนี้จะเก็บเงินส่วนตัวบ้างล่ะ เพราะไม่แน่ใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตกับตัวเองบ้าง
ถ้ามีเงินสำรองไว้ใช้สักก้อนก็คงดี รัดเข็มขัด ประหยัดหน่อย แต่ใช้ชีวิตให้มีความสุข ละกันในปีนี้

5. ภาษา
สงสัยจะเป็นคนไม่มีความสามารถทางด้านภาษา หรือเป็นคนไม่เอาจริงเอาจังก็ไม่ทราบได้
ภาษาไม่พัฒนาขึ้นเลยในรอบขวบปีทั้งๆ ที่อยู่มาตั้งปีกว่าแล้ว
เอาเป็นว่าปีนี้ เอาใหม่นะ กระตือรือร้นหน่อย ถ้าจะอยู่ญี่ปุ่นให้มีความสุข ภาษาสำคัญเป็นอย่างยิ่งเลย

6. ความขี้เกียจ
ไม่รู้ว่าเพราะอายุมากขึ้นหรือเปล่า หรืออากาศมันเป็นใจ ช่วงหลังๆ มานี้ ตัวขี้เกียจเข้ามาเยือนยุ่บยั่บไปหมด
ตั้งแต่ตื่นสาย (เรียกว่าตื่นเที่ยงเลยดีกว่า) คิดงานไม่ออก ผลงานไม่มี ไม่กระตือรือร้นในเรื่องงาน
รวมถึง การไม่ทำตามที่สัญญากับตัวเองไว้สักทีในหลายๆ เรื่อง
เอาล่ะ คิดได้ดังนี้ ต้องสลัดความขี้เกียจทิ้งไป เลิกเผางาน วางแผนการทำงาน แล้วเราจะมีเวลาเพิ่มมากขึ้น
สร้างวินัยในตัวเอง กินข้าวให้เป็นเวลา ทำทุกนาทีให้มีค่าที่สุด
ลาก่อนนะเจ้าตัวขี้เกียจ ถ้าอยากมาเยี่ยม มาได้แค่อาทิตย์ละวันพอนะ ผมขอร้อง . . .