Thursday, June 18, 2009

นับต่อ


ผ้มมมกลัวมันจู

วันนี้เรียนภาษาญี่ปุ่น มีโจ้กเรื่อง "มันจูโคไว่" หรือ "กลัวมันจู"

แสดงให้เห็นถึงโจ้กที่มีวัฒนธรรมของประเทศนี้ ว่าอ้อเค้าตลกกันยังนี้นี่เอง

เรื่องสั้นๆ มีอยู่ว่า

นาย ก. บอกว่าตัวเองกลัวสิ่งของอย่างนึงมากๆ นั่นคือ มันจู

นาย ข. อยากแกล้ง นาย ก. เลยไปซื้อมันจูมาเยอะแยะเลย

นาย ก. บอกว่า กัวววว กัววววมาก  kowai kowai  tatsuketekure! ช่วยด้วย

แล้วหลังจากนั้น นาย ก. ก็กินมันจูหมดเกลี้ยงเลย

นาย ข. ถามว่า อ้าวกลัวแล้วทำไมกินทั้งหมดล่ะ

นาย ก. ตอบเขินๆ ว่า อ้าวก็กลัวไง เลยไม่อยากเห็น เลยกินเข้าไปให้หมด
แล้วก็ตบท้ายว่า  ครั้งหน้า กลัวชานะ !!

http://www.youtube.com/watch?v=sYhtNCBg2NM

ผมใช้เวลาโปรเซสประมาณหนึ่งทีเดียว ถึงพอเข้าใจว่า อ้อ โจ้กญี่ปุ่นเป็นงี้นี่เอง
ของไทยก็มีคล้ายๆ กัน มันคือมุขตลกรับประทานนั่นเอง ^__^

Wednesday, June 17, 2009

ระบายสมอง

ช่วงนี้เครียด อย่างเห็นได้ชัด
รู้สึกว่ามีอะไรกระทบจิตใจมากมายเหลือกัน เลยสงสัยว่าจะอยู่รอดต่อไปได้อย่างไร

หาวิธีระบายเครียดดีกว่า ด้วยการเขียนนี่ล่ะ
ปัญหาคือ เขียนอะไรดี

เขียนบ่น?
เขียนด่า?
เขียนชม?
หรือเขียนไร้สาระ

สรุปว่า เรื่องที่จะเขียนก็คิดไม่ออก ว่าอย่างไหนระบายเครียดได้ดีที่สุด
เอาเป็นว่า เขียนเท่านี้ ก็เริ่มระบายๆ ออกมาล่ะ
ว่าตอนนี้กำลังเครียดอยู่นะคุณสมอง ร่างกายกำลังจะแย่
ถ้าบำบัดได้ คิดบวกเข้าไว้ จงทำซะแต่วันนี้ มิฉะนั้นโรคจะถามหาในเร็ววัน

คิดได้วันนี้ พรุ่งนี้ก็ลืมอีก เครียดใหม่อีก - -"
อุบ๊ะ คนเรานี่จะหลุดพ้นเมื่อไหร่กันหนอ
งั้นเอางี้ วันนี้นับหนึ่งละกัน เราจะมาลองดูว่าเครียดเรื่องเดิมๆ สักกี่วัน ??

ปล. คนเขียนไม่อยากให้คนอ่านเครียด
       ดังนั้นหาวิธีอ่านที่ทำให้ท่านไม่เครียดให้ได้นะครับคุณๆ

Thursday, June 11, 2009

เพื่อให้ทุกๆ วันมีเรื่องให้คิด

การเขียน blog หรือ diary ก็มีข้อดีเหมือนกันนะ
มันทำให้สมองได้จดได้จำ ได้ใช้เนื้อที่ความจำเพื่อหาประเด็น มาเขียน มาถ่ายทอดต่อไปได้
ทั้งยังช่วยให้สังเกตสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว แล้วจับมาเป็นความสุข
ในแต่ละวันของชีวิต เพื่อให้ชีวิตเดินต่อไปอย่างสดใสได้ด้วย

ดังนั้น ผมจะพยายามมาเขียนนะคร้าบ เริ่มทีละนิดละหน่อยละกันครับ

วันนี้เจอคำว่า Caffè Si Bar  ในโรงอาหาร มันเป็นป้ายโปสเตอร์ติดที่ตู้กาแฟ
จริงๆ เห็นมานานแล้วล่ะ แต่ไม่มองผ่านๆ ไม่ได้รู้สึกฉงนอะไร 
แต่วันนี้ เนื่องจากไม่มีประเด็นพูดบนโต๊ะอาหาร และตำแหน่งที่กระผมนั่งนั้น
อยู่ในมุมมองป๊ะแหมๆ กับเจ้าคำนี้พอดี เลยหยิบเอามาถามที่โต๊ะกัน

สรุปว่า ไอ้เจ้าคำนี้มันเป็น ภาษาอิตาเลียน (โอ้ แม่เจ้า นึกว่าฝรั่งเศส)
มันก็คือ Coffee นั่นแล แล้วเจ้า Si ก็เป็นตัวที่ใช้กับสรรพนามที่ไม่เฉพาะเจาะจง
ซึ่งจะทำให้ความหมายต่างๆ กันไป เช่น ประธานถูกกระทำ 
หรือแปะไว้กับประธานที่ไม่เฉพาะเจาะจงเฉยๆ ก็ได้

เริ่มยากล่ะ เอาแค่นี้ดีกว่า

อ้อ เกร็ดความรู้หน่อยนึง coffee นั่นสันนิษฐานว่า น่าจะมีต้นกำเนิดมาจากคำว่า「Kaffa」 
ซึ่งเป็นพื้นที่หนึ่งในเอธิโอเปีย ที่เป็นแหล่งกำเนิดของกาแฟ นะคร้าบ