Wednesday, December 13, 2006

ลาก่อนเพื่อนรัก

หลังจากเริ่มรู้ว่ามีเพื่อนใหม่ เราก็เริ่มที่จะ start ยา ซึ่งถือว่าเยอะมากๆ วันๆ นึงรวมกันร่วม 13 เม็ดได้
หวังว่ามันจะไม่เยอะกว่านี้นะ เพราะตัวเราเองเป็นคนกินยายากเอามากๆ กินทีไรจะอาเจียนทุกที
เฮ้อ...แต่อีกหน่อยคงจะชินเองแหละ....

อื่ม ไม่รู้จะบอกคนรอบข้างยังไงดีนะ
มันเป็นอาการที่อยู่กับคนที่เรารักไม่ได้ บอกใครก็ไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และจะเกิดปฏิกิริยาอย่างไร
เราไม่อยากจะเพิ่มความเสี่ยงทั้งต่อ ตัวเราเอง และคนอื่น ให้เกิดอาการ infection ใดๆ ทั้งสิ้น แม้จะเปอร์เซ็นต์เดียว
ร่างกายเราก็คงจะวีคลงเรื่อยๆ ไปไหนหรือทำอะไรก็คงจะได้ไม่มากนัก ไปเที่ยวอย่างที่เราเคยอยากไป กับคนที่เราอยากไป ก็คงจะทำไม่ได้เท่าไหร่ ตัวเราเองน่ะไม่ห่วงอะไรเลย จะเป็นจะตายก็ไม่ซีเรียสเท่าไหร่
แต่เป็นห่วงคนที่เรารักล่ะนะ ทั้งกลัวว่าเค้าจะไม่ปลอดภัย และเกรงว่าเค้าคงไม่เข้าใจ ว่าทำไมเราถึงหายไปจากชีวิตเค้า
มันก็คงยากในช่วงแรกๆ ที่จะทำใจ แต่ในอนาคตคนที่เรารัก เค้าก็คงจะชิน ที่ภาพของเราจะเลือนหายจากไปเรื่อยๆ ดีเหมือนกัน จะได้ทำใจไว้ล่วงหน้า..... หากมีอะไรผิดพลาด

เคยคุยกับคนที่เรารักคนนึง ว่าอยากทำอะไร ถ้ารู้ว่าตัวเองกำลังจะตาย เ้ค้าบอกว่า เค้าจะเอาเงินทั้งหมดที่เก็บไว้ ไปเช่าู่รีสอร์ทแห่งนึงริมทะเล จะอยู่ที่นั่นจนตาย .... อื่ม เราก็อยากทำแบบนั้นบ้างเหมือนกันนะ แต่ึคงม่ายมีตังค์ทำขนาดนั้น แถมอาจจะต้องรักษาตัวตามที่ควรจะทำและควรจะเป็น แม้ว่ามีโอกาสที่จะหายหรือไม่ก็ตาม แถมยังต้องใช้เวลารักษาเนิ่นนาน จนแทบจะตายจากกันได้เลย เฮ้อ....อะไรๆ มันคงไม่ง่ายเท่าไหร่ล่ะนะ อยากทำอะไรตามใจตัวเอง ก็ึคงยากเหมือนกัน

ทั้งหมดทั้งมวล มันคงจะทำให้เราเสียเพื่อนรักไป ในขณะที่เราได้เพื่อนใหม่ที่ไม่ต้องการมา เวลาที่จะได้ใช้กับเพื่อนที่เรารัก ก็จะหมดลงไปเรื่อยๆ จริงๆ เราก็ุคุยโทรศัพท์กันได้นะ แต่มันจะทำให้เราคิดถึง อยากเจอ อยากไปหา แต่มันเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้น่ะสิ มันจะทรมานมากกว่าหรือเปล่า อยู่ห่างกัน ไม่ได้ติดต่อกัน แน่นอนว่าคนเราก็จะเปลี่ยนไปได้
ใจหายเหมือนกัน ที่ต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างนี้ แต่เพื่อ ครอบครัว เพื่อนที่เรารัก สังคมที่เราเคยอยู่ เราจำเป็นต้องทำอย่างที่อาจารย์หมอแนะนำไว้
แต่เราว่า เพื่อนรักเราก็จะมีเพื่อนใหม่ๆ ที่เป็นคน มาถ่ายเทความรู้สึกดีๆ แทนเราได้ ส่วนเราก็มีเพื่อนใหม่นะที่อยู่ในร่างกายเรา ซึ่งเราก็คงต้องดูแลให้เค้ากลับบ้านไปเร็วๆ

ปล.
เมื่อวานนี้ได้คุยกับเพื่อนที่เรารักคนนึง อยู่ดีๆ ก็คุยไม่ได้ล่ะ ขับรถไปร้องไห้ไป นานเชียวกว่าจะหยุด งงเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าอาการนี้ทำให้เราเซนต์ซิทีฟขึ้นด้วยหรือเปล่าหว่า ไม่เคยเป็นมาก่อนนะ ต้องขอโทษเพื่อนคนนั้นด้วยนะ ที่พูดอะไรไม่ออกเลย จะอธิบายก็ติดอยู่ที่คอ น้ำตามันไหลออกมาก่อน ว้า..แย่จัง อ่่อนแอจริงๆ วุ้ย.... เข้มแข็งหน่อยไอ้หนุ่ม

No comments: