Tuesday, December 01, 2009
บทวิจารณ์ระบบสัมนากลุ่ม
3 Keys to avoid the failure
Tuesday, November 24, 2009
ชีวิตที่หยุดหมุน
Thursday, November 12, 2009
เรื่องของคน
คนจะงาม งามที่ใจ ใช่ใบหน้า
คนจะสวย สวยจรรยา ใช่ตาหวาน
คนจะแก่ แก่ความรู้ ใช่อยู่นาน
คนจะรวย รวยศีลทาน ใช่บ้านโต
Wednesday, November 04, 2009
Loneliness, a state of mind
When I was in my home country. I did not quite get quiescece of activities in my office. Almost everyday had been bursting with activities – the phone ringing endlessly, the guests coming every hour and the printers working overtime – I would think I am working in a New York stock market.
The thing had changed since I moved to work in Zen-style, way of life, country. Everyday like today when it is so quiet that you can hear a pin drop from a far distance. And it is on days like today – so quiet – that I am overwhelmed with the feeling of loneliness. I am in doubt whether it is caused by a nature of East world or a kind of job where everyone has a separated work and need no communication.
Although I have a bunch of work to finish, I have no concentration to work on them since all of then need idea and inspiration. I inevitably turn to a useless-for-work activity – blog-hopping. I find myself in awe with a blog of Tale of Psychological Damage. The author wrote that “you are lonely because you are too focused on your loneliness.” I was dumb struck. That seems to be true! Do I feel lonely right now because I am too focused on the loneliness?
A long for those days, I was so busy. I could hardly answer personal phone calls while I spent whole of my concentration on doing work. And so lunch time was a break that I looked forward to after a friendly banter with friends as what we should eat or discussing humorous topics. Nowadays, I occasionally have boring lunch with colleagues. Sometimes I don’t even bother with lunch at all. How pathetic can that be! I could not be entertained by the topics or give a funny talk as I used to do. My motivation of learning new language had also disappeared. No one except me that should be blamed since my poor skill. I hardly understand what they said. Sometimes, I could not catch even the mentioned words that I would take them for searching the meaning later after lunch as I used to do. Speed, intonation, accent, expression or whatever the cause is, it reduces my self-esteem and makes me feel apart from a group day by day. Uncomfortable situation while you are sitting in a world that you do not hear anything and have to guess all the time consumes a large energy more than expecting.
Forget about those things and switch back to my loneliness. I found out the quote, “Loneliness, lonesome and solitude is a state of mind. Dwell in it if you dare, the abyss of depression would come uninvited. Depression another humongous reserve of unexplained behaviors known to man would slowly rear its ugly head if we stay there too long.”
Theoretically, loneliness is a state of mind. Just like smoking, you intend to quit depends on your state of mind. Can you dictate your state of mind then? I will try although I finally end up with I cannot. At least, I will let not this loneliness lead to depression again. I will make peace with it. The same way I make peace with things I can’t change.
Enjoy the day folks.
Thursday, October 29, 2009
When the sky turns blue

Wednesday, October 28, 2009
Dear Friend
Saturday, July 18, 2009
วันหยุดสามวัน
Wednesday, July 15, 2009
เล่าบ้าง
ร่าเริงแจ่มใส สดชื่นตลอดเวลา อีเมลล์มาเล่าเรื่องราวให้ฟัง
อ่านแล้วมีความรู้สึก อบอุ่นสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก
เลยคิดว่า เออ เราก็น่าจะหาเรื่องมาเล่าเก็บไว้เหมือนกันนะ
อย่างน้อยไม่มีใครอ่าน เราก็จะได้ตระหนักว่าเราทำอะไรไปบ้างวันๆ นึง
ไม่ปล่อยเวลาให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์
หาประสบการณ์ สิ่งใหม่ๆ และความสุข ใส่ชีวิตไปในทุกๆ วัน นี่แหละมั้งคือชีวิตที่มีค่า
เมื่อวานกลับบ้านเร็ว (ทุ่มนึง 55 นี่ถือว่าเร็วแล้ว)
เลยคิดจะไปเดินเล่น outlet แถวบ้าน
มันเป็นสถานที่เดียว ที่อยู่ใกล้แถวนี้แล้วล่ะ ที่ดูจะมีผู้มีคนมากที่สุด
อ้อก่อนไปแวะร้านเฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน ชื่อว่า Nitori ก่อน
นิโตริ จะสังเกตง่ายมาก เพราะจะเป็นป้ายเขียวสดใสอันเบ้อเริ่ม
ซึ่งถ้าหล่นมา คงมีคนโดนทับตายแน่นอน เพราะป้ายมันสูงกว่าตึกสามชั้นอีก
อ้อแต่มันเขียนด้วย katakana อ่ะนะ ต่างด้าวคงอ่านไม่ออก
เอาว่าถ้าเห็นป้ายเขียวๆ แจ๊ดๆ อันเบ้อเริ่มๆ ให้สงสัยว่า มันคือร้านเฟอร์นิเจอร์ละกัน
ไม่รู้เป็นอะไร ชอบดูห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ที่เค้าจัดไว้เป็นเซตๆ ตามร้านเฟอร์นิเจอร์แฮะ
ในใจก็อยากจะได้แบบนั้นแบบนี้ แต่พอเอาเข้าจริงๆ ถึงเวลาซื้อ ดันเสร่อไม่ซื้อตามที่อยากได้
มัวกังวลโน่นนี่ ว่าย้ายออกแล้วจะทำไง เท่านี้ก็อยู่ได้แล้ว สิ้นเปลืองทำไม ฯลฯ
ห้องที่อยู่ปัจจุบันนี้เลยไม่ได้ตามที่อยากได้เลย - -!
แต่ก็นะ ซื้อของดีไป ก็ใม่ได้ใช้ตลอดอ่ะนะ อยู่นี่แค่ไม่นานเอง
เมื่อวานสงสัยเครียดจัด เดินมันทุกชั้นเลย แต่ไม่ได้ซื้อของใหญ่อะไรหรอกนะ
กะอยากได้เตียงเหมือนกัน กะจะเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ดูบ้าง
แต่ชั่งใจไปมา ก็ไม่ได้ซื้อ (จนจะกลับไทยละ)
อยู่จนเค้าปิดห้างเลยทีเดียว ประมาณ 19:45
ได้ของมาอย่างเดียว มันคือ ถุงเก็บฟุต้ง ที่ทำเป็นสุญญากาศได้
โดยดูดลมออก แล้วฟุต้งจะแบนมากๆ ไม่เปลืองที่เก็บ
หลังจากนั้นก็(ขี่จักรยาน)ไปต่อที่ outlet mall ชื่อ minami machida
อันนี้ก็คล้ายๆ outlet ทั่วๆ ไปมีแบรนด์ต่างๆ เยอะอยู่
ที่น่าสนใจคือเดือนเจ็ด มันเป็นต้นๆ หน้าร้อน
ก็จะมีของ sale เหมือนช่วงปีใหม่
เดินๆ ดูเห็น Gap ลด 70% กะจะสอยกางเกงขาสั้นซะหน่อย
มีกางเกงขาสั้นหุ่นใส่ แบบนึง อยากได้
มองหาแถวๆ นั้น เห็นเซลล์อยู่เหลือ 2900 ตาลุก ลายผ้าเหมือนกันเป๊ะ
ทรงเหมือนกันเป๊ะ มีกระเป๋าเล็กที่แถวๆ น่องบนเหมือนกันเป๊ะ
แต่มันขายาว !!!
เลยงงๆ ว่าอ้าว นี่ให้ซื้อไปตัดขาเองเหรอฟะ เลยเดินไปหาที่อื่นอีก
เจอแล้วๆๆ ขาสั้น พอดูราคา 6900 อยู่ในกองเซลล์ 20%
ง่ะ... คุณหลอกดาว แค่ตัดขาเนี่ยนะ ราคาต่างกันเป็นเท่าๆ เลย
เลยเลิกล่ะ ไม่ซื้อมันซะเลย กลับบ้านดีกว่า
คนขายเข้ามาทัก จับใจความได้ว่า เพิ่งกลับบ้านจากทำงานเหรอคะ
เรามีเสื้อแขนสั้นเซลล์ด้วยนะคะ (พอดีใส่เชิ้ตแขนยาวไป) ลองดูสิคะ
เลยบอกว่า ตรูอยากได้กางเกงขาสั้นเฟ้ยย ทำไมไม่เซลล์.... ในใจ
แต่ก็ยิ้มๆ แล้วก็พยักหน้าหงึกๆ แล้วเดินจากไป
เมื่อวานก็หมดเท่านี้ล่ะมั้ง
อ้อ ทำฟักต้มกระดูกหมูกินด้วยนะ เมื่อวาน อร่อยใช้ได้ทีเดียว
ช่วงนี้ไม่มีเพื่อนไปกินข้างนอกละ ต้องดิ้นรนทำกับข้าวเอง
อ่อ นอนเร็วด้วยเมื่อคืนห้าทุ่มนิดๆ ได้ ตื่นซะสายเลย เก้าโมง
ไว้จะปรับปรุงตัวใหม่ละกันนะคร้าบบบ
Thursday, June 18, 2009
นับต่อ
Wednesday, June 17, 2009
ระบายสมอง
Thursday, June 11, 2009
เพื่อให้ทุกๆ วันมีเรื่องให้คิด
Thursday, February 12, 2009
Tuesday, January 27, 2009
ภาษาไม่พร้อม ยังเสร่อเม้าท์ภาษาญี่ปุ่นอีก
Monday, January 26, 2009
Three Things in Life
Wednesday, January 21, 2009
New Year's Resolution
มาขอดูหน่อยสิว่า ปีที่ผ่านมา มีอะไรผ่านมาในชีวิตบ้าง แล้วจะปรับปรุงแก้ไขยังไงในปีนี้
1. อารมณ์
ปีที่ผ่านมา เสถียรภาพทางอารมณ์อยู่ในขั้นวิกฤต มีการเปลี่ยนแปลงเยอะ
แต่ถือได้้ว่าดีกว่าปีก่อนๆ สมัยที่ยังเรียนเอกอยู่ มีการพัฒนาอารมณ์ให้เสถียรขึ้นเกิน 30%
แต่ก็ยังไม่ถาวร เป็นได้ชั่วครั้งชั่วคราว เป็นพักๆ อารมณ์ที่ทำให้เกิดความไม่เสถียร ได้แก่
- กลัว: กลัวเรื่องงาน เรื่องเพื่อน เรื่องอนาคต
- กังวล: ตามมาติดๆ กับความกลัวเลยทีเดียว จะกังวลว่านั่นโน่นนี่จะไม่เสร็จ ไม่ปล่อยวางแต่ละเรื่องสักที เอากลับมาใส่หัวอยู่เรื่อยๆ
- สมาธิ: จริงๆ แล้วสมาธิไม่ใช่อารมณ์หรอก แต่การที่มีความแปรปรวนทางอารมณ์ทำให้ไม่มีสมาธิ จดจ่อกับสิ่งที่ทำไม่ได้
อันนี้ต้องแก้ไขโดยด่วน มิฉะนั่นจะทำงานไม่ได้ และทำอะไรไม่ได้ดี
2. เพื่อนฝูง
ปีที่ผ่านมา ปริมาณเพื่อนฝูงเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ได้มีโอกาสทำงานสาธารณะ
รู้จักกับคนเก่งๆ ฉลาดๆ หลายๆ คน เปิดโลกทรรศน์ให้ตัวเองได้มาก แต่อย่างไรก็ตาม
เพื่อนมาก ใช่ว่าจะสนิทกับทุกคนเสมอไป ก็จะมีระดับของความสนิทลดหลั่นกันไป
ต้องหาวิธีดีๆ ในการยืดมิตรภาพให้ยาวนานดีๆ เหมือนต้นไม้ถ้าไม่รดน้ำบ้าง มันก็จะเหี่ยวเร็ว
3. เวลา
เมื่อเพื่อนเยอะ เวลาที่อยู่กับเพื่อนฝูงก็เยอะไปด้วย ทำให้เวลาทำงาน และเวลาอยู่กับตัวเอง
รวมไปถึงเวลาที่อยากมีเพื่อไปหาอะไรๆ สนุกๆ ทำด้วยตัวเอง ก็พลอยหดหายไปด้วย
ดังนั้นต้องจัดสรรเวลาใหม่ให้ดี หัดปฏิเสธให้เป็น ศิลปะในการพูดยังคงสำคัญในชีวิตเราอยู่
4. โอกาเนะ
ปีที่ผ่านมาเหมือนตั้งความหวังว่า จะเก็บเงินให้ได้เยอะหน่อย เพราะเป็นปีแรกที่ทำงานเต็มตัว
แต่ก็ไม่สำเร็จเท่าไหร่ ได้มาก็ส่งไปให้ที่บ้านหมดแล้ว ก็โอเคนะสำหรับเงินเก็บในปีแรก
ที่จะตอบแทนครอบครัว มีบ้านใหม่ให้พ่อกับแม่อยู่ ก็คงได้ตอบแทนแค่เสี้ยวส่วนหนึ่งล่ะที่เค้าเลี้ยงเรามา
เราไม่ได้เกิดมาจากกระบอกข้าวหลามนี่เนอะ ชีวิตจะได้มีตัวคนเดียว ทำงานเอง รับเงินเอง ใช้เงินคนเดียว
น่าจะเพียงพอแล้วล่ะสำหรับปีที่ผ่านมา สำหรับเงินหมุนในการสร้างบ้านหลังนึง (ที่ยังต้องผ่อนอีกหลายสิบปี)
เอาว่า ปีนี้จะเก็บเงินส่วนตัวบ้างล่ะ เพราะไม่แน่ใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตกับตัวเองบ้าง
ถ้ามีเงินสำรองไว้ใช้สักก้อนก็คงดี รัดเข็มขัด ประหยัดหน่อย แต่ใช้ชีวิตให้มีความสุข ละกันในปีนี้
5. ภาษา
สงสัยจะเป็นคนไม่มีความสามารถทางด้านภาษา หรือเป็นคนไม่เอาจริงเอาจังก็ไม่ทราบได้
ภาษาไม่พัฒนาขึ้นเลยในรอบขวบปีทั้งๆ ที่อยู่มาตั้งปีกว่าแล้ว
เอาเป็นว่าปีนี้ เอาใหม่นะ กระตือรือร้นหน่อย ถ้าจะอยู่ญี่ปุ่นให้มีความสุข ภาษาสำคัญเป็นอย่างยิ่งเลย
6. ความขี้เกียจ
ไม่รู้ว่าเพราะอายุมากขึ้นหรือเปล่า หรืออากาศมันเป็นใจ ช่วงหลังๆ มานี้ ตัวขี้เกียจเข้ามาเยือนยุ่บยั่บไปหมด
ตั้งแต่ตื่นสาย (เรียกว่าตื่นเที่ยงเลยดีกว่า) คิดงานไม่ออก ผลงานไม่มี ไม่กระตือรือร้นในเรื่องงาน
รวมถึง การไม่ทำตามที่สัญญากับตัวเองไว้สักทีในหลายๆ เรื่อง
เอาล่ะ คิดได้ดังนี้ ต้องสลัดความขี้เกียจทิ้งไป เลิกเผางาน วางแผนการทำงาน แล้วเราจะมีเวลาเพิ่มมากขึ้น
สร้างวินัยในตัวเอง กินข้าวให้เป็นเวลา ทำทุกนาทีให้มีค่าที่สุด
ลาก่อนนะเจ้าตัวขี้เกียจ ถ้าอยากมาเยี่ยม มาได้แค่อาทิตย์ละวันพอนะ ผมขอร้อง . . .